Tag: สมุนไพรไทย

คิอ ขิง เป็นสมุนไพรที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber officinale ซึ่งเป็นพืชที่นิยมใช้ในทั่วโลกในการปรุงอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ขิงยังมีคุณสมบัติทางการแพทย์ที่น่าสนใจด้วย สรรพคุณทางการแพทย์ของขิงได้แก่: ลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน: ขิงมีสารช่วยลดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ซึ่งมักถูกใช้ในการรักษาอาการแพ้ง่ายเคียงจากการฉายแสงอาทิตย์ มึนงง และอาการคลื่นไส้ในระยะต่างๆ เช่น ตั้งครรภ์ หรือหลังการผ่าตัดลดอาการปวด: สารกลุ่มกิงเกอร์ (gingerols) ที่พบในขิงมีฤทธิ์ต้านอักเสบ และสามารถช่วยลดอาการปวดได้ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว หรืออาการปวดเมื่อมีการอักเสบส่งเสริมการป้องกันโรค: ขิงมีสารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย วิธีการใช้งานขิงทางการแพทย์ มักเป็นการนำเข้าร่างอาหารหรือชงเป็นชา โดยมักใช้รากขิงสด แต่อาจมีการใช้รากขิงแห้งหรือผงขิงในบางกรณีด้วย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเสมอ นอกจากนี้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีอาการแพ้ต่อสมุนไพรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้งานครับ

คิอ เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเรียกวิทยาศาสตร์ว่า Ocimum basilicum L. หรือ Basil ในภาษาอังกฤษ เป็นสมุนไพรที่นิยมใช้ในอาหารและการแพทย์ในหลายส่วนของโลก มีลักษณะเป็นพืชเฉพาะฤดูร้อน มีกลิ่นหอมเจิดๆ และมีรสชาติเย็นๆ ที่เข้มข้น ในไทยมักนำไปปรุงอาหารเป็นส่วนสำคัญในอาหารบางชนิด เช่น ผัดกระเพราไก่ หรือกระเพราทอดกรอบ และยังมีคุณสมบัติทางการแพทย์อีกด้วย สรรพคุณทางการแพทย์ของกระเพราได้แก่: สมานแผล: มีสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่ช่วยในการรักษาแผลและช่วยในกระบวนการหายของแผลลดการอักเสบ: สามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ลดอาการปวด: สามารถช่วยลดอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มกล้ามเนื้อที่อักเสบ วิธีการใช้งานกระเพราทางการแพทย์จะแตกต่างไปตามวัตถุประสงค์ โดยสามารถใช้ในรูปแบบของน้ำหรือน้ำแป้ง หรือใช้ในรูปแบบการชงเป็นชา แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เสมอ นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้สารสกัดจากกระเพราควรหลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรชนิดนี้ด้วยครับ สำหรับวิธีใช้สมุนไพรในการรักษาอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งานครับ

คือ กระเจี๊ยบแดงมีชื่อทางวิทยาศาตร์ว่า Hibiscus sabdaiffa L. ชื่อภาษาอังกฤษของกระเจี๊ยบแดงคือ Jamaica sorrel หรือ Roselle ส่วนในบ้านเราเรียกกันทั้งกระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง ส้มปู เป็นต้น ถิ่นกำเนิด  ถิ่นกำเนิดของกระเจี๊ยบแดงอยู่ในแถบแอฟริกาตะวันตก จากนั้นได้มีการนำกระเจี๊ยบแดงมาปลูกในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรทั่วไป ต้นกระเจี๊ยบจะชอบแดดจัดและจะเติบโตได้ดีในดินที่มีความชุ่มชื้นพอเหมาะ ดังนั้นกระเจี๊ยบจึงปลูกในบ้านเราได้สบาย ๆ กลายเป็นพืชสมุนไพรที่หาง่ายมาก ๆ สรรพคุณของกระเจี๊ยบแดง ในกระเจี๊ยบมีสารพฤกษเคมีที่สำคัญ คือ สารต้านอนุมูลอิสระทั้งสารในกลุ่มฟีนอลิก สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ และสารในกลุ่มแอนโธไซยานิน ซึ่งจากข้อมูลทางวิชาการแสดงให้เห็นว่า สารพฤกษเคมีดังกล่าวมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ลดไข้ และต้านการอักเสบ นอกจากนี้วิตามินซีในกระเจี๊ยบยังมีส่วนช่วยเสริมความแข็งแรงให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายด้วย

สมุนไพรมะตูม มะตูมเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย เป็นพันธุ์ไม้มงคลประจำจังหวัดชัยนาทและยังถือว่าเป็นพันธุ์ไม้มงคลของศาสนาฮินดูที่นิยมปลูกในบ้านเราอีกด้วย โดยถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระศิวะ ส่วนบ้านเรานั้นมีความเชื่อว่าใบมะตูมสามารถนำมาใช้ป้องกันภูตผีปีศาจ เสนียดจัญไรได้ และมะตูมยังจัดว่าเป็นทั้งผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพและเป็นยาสมุนไพรที่เรารู้จักมาเนิ่นนาน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยกินน้ำมะตูมกันมาบ้างแล้วล่ะ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงสรรพคุณของมะตูมหรือประโยชน์ของมะตูม สรรพคุณของมะตูม ประโยชน์ของมะตูม

คือ เรียกกันทั่วไปว่า “ขมิ้น” เป็นไม้ล้มลุกมีสีเหลืองอมส้ม มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอม คนนิยมนำ “เหง้า” ทั้งสดและแห้งมาใช้รักษาอาการที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมทั้งแก้ท้องเสีย ท้องร่วง จุกเสียดแน่นท้อง และสามารถนำขมิ้นชันมาทาภายนอก เพื่อใช้รักษาแผลเรื้อรัง แผลสด โรคผิวหนัง พุพอง รักษาชันนะตุ สรรพคุณ นอกจากนั้น “ขมิ้นชัน” ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระ “คูเคอร์มิน” ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับ อีกทั้งยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง หรือใครที่มีแผลอักเสบ “ขมิ้นชัน” ก็มีสรรพคุณช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น เพราะมีฤทธิ์ไปลดการอักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง และหากรับประทานขมิ้นชันทุกวัน ตามเวลาจะช่วยให้ความจำดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียยามตื่นนอน และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น สรรพคุณ ทางยา  มาดูสรรพคุณทางยาของขมิ้นชันกัน ส่วนที่ใช้ก็คือ “เหง้า” ที่มีรสฝาดนั่นเอง โดยเหง้ามีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ ช่วยบำรุงตับ นอกจากนี้ยังมีสารอาหารหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และเกลือแร่ต่าง ๆ           ส่วนน้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชันก็มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียดได้ด้วย จึงนิยมนำขมิ้นมาใช้สมานแผลในกระเพาะอาหาร ทำความสะอาดลำไส้…

คือ           เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าไม่ต่างไปจากชื่อ “ทองพันชั่ง” หลายพื้นที่อาจเรียกว่า “ทองคันชั่ง” หรือ “หญ้ามันไก่” เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ออกดอกสีขาว ส่วนที่ใช้ทำยาคือ ใบและราก ที่หากนำปริมาณ 1 กำมือมาต้มรับประทานเช้าเย็น จะช่วยดับพิษไข้ รักษาโรคผิวหนัง ริดสีดวงทวารหนัก แก้ไอเป็นเลือด ฆ่าพยาธิ นอกจากนั้น ยังสามารถนำใบและรากมาตำละเอียด เพื่อรักษาโรคกลาก เกลื้อน  สรรพคุณทางแพทย์ นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมพบว่า “ทองพันชั่ง” มีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งเยื่อบุช่องปาก มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูกได้ รวมทั้งช่วยขับปัสสาวะ ลดความดันโลหิตสูง แก้ผมร่วง รักษาโรคนิ่ว ฯลฯ แต่ข้อควรระวังคือ ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ โรคหืด โรคความดันโลหิตต่ำ โรคมะเร็งในเม็ดเลือด ไม่ควรรับประทาน บำรุงผิว ใบ ต้น และรากของต้นทองพันชั่ง ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคผิวหนังต่างๆ ด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระและไรนา-แคคตัส ซี(Rhinacanthus C) ทำให้ทองพันช่างมิสรรพคุณในการชะลอวัย รักษาอาการอักเสบ และสิว นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการเจ็บปวด และความระคายเคืองของโรคสะเก็ดเงินได้ ไม่เพียงเท่านั้น รากและใบของทองพันชั่งยังสามารถนำมาต้มแล้วใช้รักษากลาก เกลื้อน…